
เมื่อพูดถึง “ผู้ป่วยติดเตียง” หลายคนมักนึกถึงภาพของผู้ที่นอนนิ่ง ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ แต่ในความเป็นจริงแล้ว แม้ร่างกายจะถูกจำกัดอยู่บนเตียง การออกกำลังกายเพื่อกายภาพบำบัด กลับเป็นหัวใจสำคัญอย่างยิ่งยวดในการรักษาสภาพร่างกาย ป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อันตราย และส่งเสริมการฟื้นฟูให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น การปล่อยให้ผู้ป่วยนอนนิ่งโดยไม่มีการเคลื่อนไหวเปรียบเสมือนการปล่อยให้ร่างกายค่อยๆ เสื่อมถอยลง นำไปสู่ปัญหาสุขภาพมากมายตั้งแต่ภาวะข้อติด กล้ามเนื้อลีบ ไปจนถึงปัญหาการไหลเวียนเลือดและระบบทางเดินหายใจ บทความนี้จึงเป็นคู่มือสำหรับผู้ดูแล เพื่อทำความเข้าใจถึงความสำคัญและวิธีการออกกำลังกายที่เหมาะสมสำหรับบุคคลอันเป็นที่รัก
ทำไมการออกกำลังกายจึงสำคัญอย่างยิ่งสำหรับผู้ป่วยติดเตียง?
การขาดการเคลื่อนไหวเป็นเวลานานส่งผลเสียต่อทุกระบบของร่างกาย การทำกายภาพบำบัดและการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอจึงเข้ามามีบทบาทสำคัญในการ:
- ป้องกันภาวะข้อยึดติด (Joint Contracture): เป็นปัญหาที่พบบ่อยที่สุด เมื่อข้อต่อไม่ได้ถูกเคลื่อนไหว พังผืดรอบข้อจะค่อยๆ หดสั้นและหนาตัวขึ้น ทำให้ข้อต่อนั้นๆ ยึดติดอยู่ในท่างอหรือเหยียด ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้เต็มช่วงการเคลื่อนไหวอีกต่อไป สร้างความเจ็บปวดและเป็นอุปสรรคต่อการฟื้นฟูในอนาคต
- ชะลอการลีบของกล้ามเนื้อ (Muscle Atrophy): กล้ามเนื้อที่ไม่ได้ใช้งานจะสูญเสียความแข็งแรงและขนาดลงอย่างรวดเร็ว การออกกำลังกายช่วยกระตุ้นการทำงานและรักษามวลกล้ามเนื้อไว้ได้
- ส่งเสริมการไหลเวียนโลหิต: ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดดำ (Deep Vein Thrombosis) ซึ่งเป็นภาวะแทรกซ้อนที่อันตรายและอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต
- เพิ่มการทำงานของปอดและระบบทางเดินหายใจ: การบริหารการหายใจช่วยให้ปอดขยายตัวได้ดีขึ้น ช่วยขับเสมหะ ลดความเสี่ยงของภาวะปอดอักเสบจากการติดเชื้อ
- กระตุ้นการทำงานของลำไส้: ช่วยให้ระบบย่อยอาหารและการขับถ่ายทำงานได้ดีขึ้น ลดปัญหาท้องผูก
- สร้างเสริมสุขภาพจิต: การได้เคลื่อนไหวร่างกายช่วยให้ผู้ป่วยรู้สึกสดชื่น ลดความเครียด และรู้สึกถึงการมีส่วนร่วมในการดูแลตนเอง
ประเภทของการออกกำลังกายสำหรับผู้ป่วยติดเตียง
การออกกำลังกายสำหรับผู้ป่วยติดเตียงจะเน้นไปที่การเคลื่อนไหวที่ไม่หักโหม โดยแบ่งเป็นประเภทหลักๆ ตามระดับความสามารถของผู้ป่วย
1. การออกกำลังกายโดยผู้ดูแล (Passive Range of Motion - PROM)
เป็นการออกกำลังกายที่เหมาะสมสำหรับผู้ป่วยที่ไม่สามารถเคลื่อนไหวร่างกายหรือออกแรงได้ด้วยตนเอง โดยผู้ดูแลจะเป็นผู้ออกแรงเคลื่อนไหวข้อต่อต่างๆ ของผู้ป่วยให้ครบทุกส่วนอย่างช้าๆ และนุ่มนวล โดยมีหลักการสำคัญคือ “ทำให้สุดช่วงการเคลื่อนไหว แต่ไม่ฝืนจนผู้ป่วยเจ็บ”
ขั้นตอนการทำ Passive Exercise:
ควรทำอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง (เช้า-เย็น) โดยทำซ้ำในแต่ละท่าประมาณ 10-15 ครั้ง
- ข้อต่อแขนและมือ:
- หัวไหล่: ยกแขนขึ้น-ลง, กางแขนออก-หุบเข้า, หมุนแขนเข้า-ออก
- ข้อศอก: งอและเหยียดข้อศอก
- ข้อมือ: กระดกข้อมือขึ้น-ลง, บิดข้อมือซ้าย-ขวา
- นิ้วมือ: กำมือและแบมือ, งอและเหยียดนิ้วทุกนิ้ว
- ข้อต่อขาและเท้า:
- ข้อสะโพกและข้อเข่า: งอเข่าชิดอกแล้วเหยียดขาตรง, กางขาออก-หุบเข้า
- ข้อเท้า: กระดกข้อเท้าขึ้น-ลง, หมุนข้อเท้าเป็นวงกลม
- นิ้วเท้า: งุ้มและกระดกนิ้วเท้าทุกนิ้ว
- ข้อต่อแขนและมือ:
2. การออกกำลังกายโดยผู้ป่วยออกแรงร่วมกับผู้ดูแล (Active-Assisted Range of Motion - AAROM)
สำหรับผู้ป่วยที่เริ่มมีกำลังแขนขาบ้างแล้ว แต่ยังไม่แข็งแรงพอที่จะเคลื่อนไหวได้ตลอดช่วงการเคลื่อนไหว ผู้ดูแลจะช่วยประคองและออกแรงเสริมในส่วนที่ผู้ป่วยทำเองไม่ไหว เป็นการกระตุ้นให้ผู้ป่วยได้ฝึกใช้กำลังกล้ามเนื้อของตนเอง
3. การออกกำลังกายโดยผู้ป่วยทำเอง (Active Range of Motion - AROM)
เมื่อผู้ป่วยมีกำลังกล้ามเนื้อดีขึ้น สามารถเคลื่อนไหวข้อต่อต่างๆ ได้เองโดยไม่ต้องมีผู้ช่วยเหลือ ผู้ดูแลจะเปลี่ยนบทบาทเป็นผู้ให้กำลังใจและดูแลความปลอดภัยอยู่ข้างๆ
4. การบริหารการหายใจ (Breathing Exercise)
เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องทำควบคู่กันไป เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของปอด
- ฝึกหายใจเข้า-ออกลึกๆ: ให้ผู้ป่วยวางมือบนหน้าท้อง หายใจเข้าทางจมูกช้าๆ ให้ท้องป่อง (รู้สึกได้จากมือที่วางไว้) แล้วค่อยๆ ผ่อนลมหายใจออกทางปากช้าๆ ให้ท้องแฟบ ทำซ้ำ 5-10 ครั้ง
ฝึกไออย่างมีประสิทธิภาพ (Effective Cough): สอนให้ผู้ป่วยหายใจเข้าลึกๆ กลั้นไว้ 2-3 วินาที แล้วไอออกมาแรงๆ 2-3 ครั้งติดกัน เพื่อช่วยขับเสมหะออกจากปอด
- สื่อสารกับผู้ป่วยเสมอ: สอบถามผู้ป่วยตลอดเวลาว่ารู้สึกเจ็บหรือตึงเกินไปหรือไม่
- ทำด้วยความนุ่มนวล: ห้ามกระชากหรือฝืนดัดข้อต่ออย่างรุนแรงเด็ดขาด
- ประเมินสภาพผู้ป่วยก่อนเริ่ม: หากผู้ป่วยมีไข้ ไม่สุขสบาย หรือมีอาการเจ็บปวดเฉียบพลัน ควรเลื่อนการออกกำลังกายออกไปก่อน
- ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ: ท่ากายภาพบำบัดบางท่าอาจไม่เหมาะสมกับผู้ป่วยบางรายที่มีภาวะกระดูกหักหรือเพิ่งผ่านการผ่าตัด ควรปรึกษาแพทย์หรือนักกายภาพบำบัดเพื่อวางแผนโปรแกรมที่เหมาะสมที่สุด
การฟื้นฟูร่างกายผู้ป่วยติดเตียงผ่านการออกกำลังกายเป็นกระบวนการที่ต้องใช้ความสม่ำเสมอ ความอดทน และความเข้าใจที่ถูกต้อง ซึ่งอาจเป็นเรื่องท้าทายสำหรับครอบครัวที่มีข้อจำกัดด้านเวลาหรือขาดความชำนาญ

เราจึงมีโปรแกรมการดูแลที่โดดเด่นด้วยทีมนักกายภาพบำบัดวิชาชีพและผู้ดูแลที่ผ่านการฝึกอบรมมาเป็นอย่างดี ที่จะทำงานร่วมกันเพื่อออกแบบโปรแกรมการออกกำลังกายที่เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละรายโดยเฉพาะ ตั้งแต่การทำ Passive Exercise เพื่อป้องกันข้อติดในผู้ป่วยที่ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ ไปจนถึงการฝึกความแข็งแรงของกล้ามเนื้อและการฝึกทรงตัวเพื่อเตรียมพร้อมสู่การลุกนั่งหรือยืนในอนาคต เราดูแลเอาใจใส่ในทุกขั้นตอนอย่างใกล้ชิด เพื่อให้แน่ใจว่าการทำกายภาพบำบัดทุกครั้งเป็นไปอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูงสุด ให้บ้านแสนรักได้เป็นส่วนหนึ่งในการมอบการฟื้นฟูที่ครบวงจร ช่วยให้คนที่คุณรักได้กลับมาเคลื่อนไหวร่างกายและมีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้นอีกครั้ง