ปัญหาขับถ่ายในผู้ป่วยติดเตียง: วิธีจัดการท้องผูก ท้องเสีย | บ้านแสนรั

ปัญหาระบบขับถ่ายในผู้ป่วยติดเตียงและการจัดการ ศูนย์ดูแลผู้ป่วยติดเตียง บ้านแสนรัก

นอกเหนือจากความท้าทายในการป้องกันแผลกดทับและภาวะปอดอักเสบแล้ว ปัญหาระบบขับถ่าย ถือเป็นอีกหนึ่งโจทย์ใหญ่และเป็นเรื่องละเอียดอ่อนอย่างยิ่งในการดูแลผู้ป่วยติดเตียง การเปลี่ยนแปลงของร่างกายที่ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ตามปกติส่งผลโดยตรงต่อการทำงานของลำไส้ ทำให้เกิดภาวะที่พบบ่อยอย่าง “ท้องผูก” และ “ท้องเสีย” ซึ่งไม่เพียงแต่สร้างความอึดอัด ไม่สุขสบายทางกายให้แก่ผู้ป่วยเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจ และอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ ได้หากไม่ได้รับการจัดการที่ถูกต้อง การทำความเข้าใจถึงสาเหตุและเรียนรู้วิธีการดูแลที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งจำเป็นที่ผู้ดูแลต้องให้ความสำคัญ เพื่อคืนความสุขสบายและรักษาศักดิ์ศรีให้กับคนที่คุณรัก

ทำไมผู้ป่วยติดเตียงจึงมักมีปัญหาเรื่องการขับถ่าย?

การที่ร่างกายต้องอยู่ในภาวะพึ่งพิงและไม่สามารถเคลื่อนไหวได้สะดวก ส่งผลกระทบต่อระบบทางเดินอาหารและการขับถ่ายในหลายมิติ ดังนี้:

  • การเคลื่อนไหวของลำไส้ลดลง: การออกกำลังกายและการเคลื่อนไหวร่างกายในชีวิตประจำวันเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยกระตุ้นให้ลำไส้บีบตัวและเคลื่อนกากอาหารไปข้างหน้า เมื่อผู้ป่วยต้องนอนอยู่บนเตียงเป็นเวลานาน การทำงานของลำไส้จึงช้าลงโดยธรรมชาติ ทำให้กากอาหารค้างอยู่ในลำไส้นานขึ้นและถูกดูดน้ำกลับจนแห้งแข็ง
  • การเปลี่ยนแปลงด้านอาหารและน้ำ: ผู้ป่วยติดเตียงมักมีภาวะเบื่ออาหาร ทานได้น้อยลง หรือมีปัญหาการกลืน ทำให้ได้รับใยอาหาร (Fiber) ซึ่งจำเป็นต่อการสร้างมวลอุจจาระไม่เพียงพอ รวมถึงการดื่มน้ำน้อยเกินไปก็เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้อุจจาระแข็งและขับถ่ายลำบาก
  • ผลข้างเคียงจากยา: ยาบางชนิดที่ผู้ป่วยได้รับเป็นประจำ เช่น ยาแก้ปวดกลุ่มโอปิออยด์, ยาลดความดันบางชนิด, หรือยาธาตุเหล็ก อาจมีผลข้างเคียงทำให้ลำไส้ทำงานช้าลงและเกิดอาการท้องผูกได้
  • การเบ่งถ่ายที่ไม่มีประสิทธิภาพ: การขับถ่ายในท่านอนนั้นฝืนธรรมชาติ ทำให้กล้ามเนื้อหน้าท้องและอุ้งเชิงกรานที่ใช้ในการเบ่งทำงานได้ไม่เต็มที่

ปัญหาการขับถ่ายที่พบบ่อยและการจัดการที่ถูกต้อง

ภาวะท้องผูก (Constipation): ปัญหาอันดับหนึ่งที่ต้องรับมือ

ท้องผูกคือภาวะที่ผู้ป่วยไม่ถ่ายอุจจาระนานกว่า 3 วัน หรือถ่ายอุจจาระน้อยครั้งกว่าปกติของตนเอง ลักษณะอุจจาระจะแห้ง แข็ง เป็นก้อนเล็กๆ ทำให้ขับถ่ายลำบากและอาจรู้สึกเจ็บปวด

แนวทางการจัดการและป้องกัน:

  1. ปรับเปลี่ยนอาหาร: เน้นอาหารที่มีใยอาหารสูง เช่น ผักต่างๆ (ตำลึง, กวางตุ้ง), ผลไม้ (มะละกอสุก, กล้วย, ส้ม), และธัญพืชขัดสีน้อย โดยควรเริ่มให้ทีละน้อยเพื่อป้องกันภาวะท้องอืด และควรเป็นอาหารที่อ่อนนุ่ม ปรุงสุก เพื่อให้ง่ายต่อการเคี้ยวและกลืน
  2. ดูแลเรื่องการดื่มน้ำ: กระตุ้นให้ผู้ป่วยดื่มน้ำให้เพียงพอตลอดทั้งวัน (ประมาณ 1.5-2 ลิตร หากไม่มีข้อจำกัดจากแพทย์) เพื่อช่วยให้อุจจาระนุ่มขึ้นและขับถ่ายง่าย
  3. กระตุ้นการเคลื่อนไหว: ทำกายภาพบำบัดด้วยการออกกำลังกายแบบ Passive Exercise เพื่อขยับข้อต่อแขนขา และที่สำคัญคือ การนวดท้อง โดยนวดวนตามเข็มนาฬิกาบริเวณรอบสะดืออย่างช้าๆ และนุ่มนวล เป็นเวลา 5-10 นาที จะช่วยกระตุ้นการบีบตัวของลำไส้ได้ดี
  4. ฝึกกิจวัตรการขับถ่าย: พยายามกระตุ้นให้ผู้ป่วยขับถ่ายเป็นเวลา โดยเฉพาะช่วงหลังมื้ออาหารประมาณ 15-30 นาที ซึ่งเป็นช่วงที่ลำไส้มักจะบีบตัว การสร้างความคุ้นเคยจะช่วยให้ร่างกายจดจำและขับถ่ายได้ง่ายขึ้น
  5. การใช้ยา: หากปฏิบัติตามวิธีข้างต้นแล้วยังไม่ดีขึ้น ควรปรึกษาแพทย์เพื่อพิจารณาการใช้ยาระบายที่เหมาะสม ซึ่งมีหลายชนิด ทั้งยาที่ทำให้อุจจาระนุ่ม หรือยาที่กระตุ้นการบีบตัวของลำไส้ ไม่ควรซื้อยามาใช้เองโดยเด็ดขาด

ภาวะท้องเสีย (Diarrhea): ภัยเงียบที่ต้องใส่ใจเรื่องความสะอาด

แม้จะพบน้อยกว่าท้องผูก แต่ภาวะท้องเสียในผู้ป่วยติดเตียงอาจเป็นอันตรายได้ เนื่องจากทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำและเกลือแร่อย่างรวดเร็ว และยังเสี่ยงต่อการเกิดแผลเปื่อยบริเวณผิวหนังที่สัมผัสกับอุจจาระเหลว

แนวทางการจัดการ:

  1. หาสาเหตุ: ท้องเสียอาจเกิดจากการติดเชื้อ, ผลข้างเคียงของยาบางชนิด (เช่น ยาปฏิชีวนะ), หรืออาจเป็นสัญญาณของภาวะอุจจาระอุดตัน (Fecal Impaction) ที่มีของเหลวไหลล้อมก้อนแข็งออกมา ควรปรึกษาแพทย์เพื่อวินิจฉัยสาเหตุที่แท้จริง
  2. ป้องกันภาวะขาดน้ำ: นี่คือสิ่งที่สำคัญที่สุด ควรให้ผู้ป่วยจิบน้ำบ่อยๆ หรือดื่มน้ำเกลือแร่ (ORS) เพื่อทดแทนน้ำและเกลือแร่ที่สูญเสียไป สังเกตสัญญาณภาวะขาดน้ำ เช่น ผิวแห้ง ปากแห้ง ปัสสาวะน้อยลงหรือมีสีเข้ม
  3. ปรับอาหาร: ในช่วงที่มีอาการท้องเสีย ควรให้ผู้ป่วยรับประทานอาหารอ่อน ย่อยง่าย เช่น ข้าวต้ม, โจ๊ก, หรือเนื้อปลาต้ม และหลีกเลี่ยงอาหารรสจัด, ของมัน, และผลิตภัณฑ์จากนมชั่วคราว
  4. เน้นเรื่องสุขอนามัย: ต้องทำความสะอาดบริเวณทวารหนักและผิวหนังโดยรอบทันทีหลังการขับถ่ายทุกครั้ง โดยใช้น้ำสะอาดซับเบาๆ ให้แห้งสนิท และอาจทาครีมเคลือบผิวเพื่อป้องกันการระคายเคือง การดูแลความสะอาดอย่างเคร่งครัดจะช่วยป้องกันการเกิดแผลที่ผิวหนังได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การดูแลจัดการปัญหาระบบขับถ่ายเป็นงานที่ต้องใช้ทั้งความรู้ ความอดทน และความใส่ใจในรายละเอียดอย่างสูง ผู้ดูแลต้องคอยสังเกตความถี่และลักษณะของอุจจาระ จดบันทึก และสื่อสารกับทีมแพทย์อย่างสม่ำเสมอ ซึ่งทั้งหมดนี้อาจเป็นภาระที่หนักและสร้างความเครียดให้แก่ครอบครัว

บริการดูแลผู้ป่วยติดเตียงคุณภาพสูงจากศูนย์ดูแลผู้ป่วยติดเตียง บ้านแสนรัก

เราเข้าใจดีว่าการจัดการระบบขับถ่ายคือหนึ่งในหัวใจสำคัญของการดูแลที่ต้องอาศัยความเป็นมืออาชีพและความละเอียดอ่อนเรามีทีมผู้ดูแลที่ผ่านการฝึกอบรมมาอย่างดีในการเฝ้าสังเกตและรับมือกับปัญหาท้องผูกและท้องเสียอย่างเป็นระบบ ตั้งแต่การวางแผนด้านโภชนาการที่เหมาะสม การกระตุ้นการขับถ่ายด้วยวิธีการนวดท้อง 

ไปจนถึงการดูแลด้านสุขอนามัยอย่างเคร่งครัดหลังการขับถ่ายทุกครั้งเพื่อปกป้องผิวของผู้ป่วย ทีมงานของเราพร้อมทำงานร่วมกับแพทย์เพื่อจัดการการใช้ยาอย่างเหมาะสมและปลอดภัยที่สุด ให้ท่านคลายความกังวลและมั่นใจได้ว่าบุคคลอันเป็นที่รักจะได้รับการดูแลอย่างถูกสุขลักษณะ มีความสุขสบาย ไม่ต้องทนทุกข์ทรมานจากปัญหาการขับถ่าย เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีในทุกๆ วัน

"ให้บ้านแสนรัก ดูแลคนที่คุณห่วงใย ด้วยหัวใจที่อบอุ่น"

Share

    Leave a comment

    Your email address will not be published. Required fields are marked *